.
HIV หรือเอดส์ หลายคนก็ยังสับสนอยู่ดี คิดว่าสองโรคนี้เป็นโรคเดียวกันแค่เรียกคนละชื่อ แท้จริงแล้ว HIV และเอดส์ เป็นคนละโรค มาดูความต่างกันว่า สองโรคนี้ต่างกันอย่างไร
.
ทำความรู้จักกับ HIV
เอชไอวีซึ่งย่อมาจากคำว่า human immunodeficiency virus เป็นเชื้อไวรัส อาการของผู้ที่ได้รับเชื้อ HIV จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก ภาวะเริ่มติดเชื้อ ไม่มีอาการ
.
แต่เมื่อเวลาผ่านไป 5-7 ปี จะเข้าสู่ระยะที่สอง ระยะเริ่มมีอาการ จะมีลักษณะของตุ่มขึ้นตามร่างกาย มีเชื้อราในปาก งูสวัด เป็นต้น
.
ใช้เวลาเพียง 1-2 ปี ก็จะเข้าสู่ระยะที่สาม ซึ่งเป็นขั้นรุนแรง จะเรียกว่า ระยะเอดส์เต็มขั้น
.
HIV ติดได้อย่างไร
ติดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ HIV (แม้จะมีเพศสัมพันธ์แค่ครั้งเดียวถ้าเจอคนที่มีเชื้อก็ติดได้แล้วเช่นกัน)
ติดต่อกันทางเลือด
ติดจากเข็มฉีดยาที่โดนเชื้อ HIV เช่น เข็มฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ฯลฯ
จากแม่สู่ลูก ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่จะไม่มีเด็กที่ติดเชื้อจากแม่อีก แต่อาจเหลือเพียงส่วนน้อยที่กำลังเป็นปัญหา คือ เด็กที่คลอดจากแม่ต่างด้าว
ทำความรู้จักกับโรคเอดส์
โรคเอดส์ หรือ acquired immune deficiency syndrome เป็นโรคที่เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เพราะถูกทำลายโดยเชื้อไวรัส HIV โดยร่างกายจะถูกทำลายเม็ดเลือดขาว
.
เป็นผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำกว่าปกติ ทำให้ติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม หรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ และด้วยความที่ร่างกายอ่อนแอ
.
ทำให้ผู้ที่เป็นโรคเอดส์ เสียชีวิตได้ง่ายกว่าผู้ที่เพิ่งติดเชื้อ HIV และคนปกติทั่วไป
ป้องกันอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคเอดส์
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
เลี่ยงการใช้ Sex toy ร่วมกับผู้อื่น
อย่ารักสนุกด้วยการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพราะคู่นอนแปลกหน้าอาจไม่ทราบว่า ตัวเขาเองเป็นโรค
ไม่ควรใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
สรุปสองโรคนี้ต่างกันอย่างไร
.
เอดส์จะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ที่ได้รับเชื้อ HIV เข้าสู่ระยะที่ 3 หากเข้าระยะนั้นไปแล้ว บุคคลผู้นั้นจะกลายเป็นโรคเอดส์ทันที
.
แต่หากผู้ติดเชื้อ HIV รักษาตัวดีให้อยู่ในระยะแรก หรือระยะที่สอง (แต่ปลอดภัยที่สุดคือระยะที่หนึ่ง กินยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถรอดจากการเป็นโรคเอดส์ได้
.
เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ควรมีอย่างมีสติป้องกันทุกครั้ง เพื่ออนาคตของตัวเองและคนที่คุณรัก
.
สถิติผู้ติดเชื้อ HIV และเอดส์ทั่วโลก
สำหรับ ปี 2018
สถิติผู้ติดเชื้อ HIV จากทั่วโลก ในปี 2018 มีจำนวน 37.9 ล้านคน
สถิติผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ ในปี 2018 มีจำนวน 1.7 ล้านคน
สถิติผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ HIV ในปี 2019 จำนวน 770,000 คน
สถิติผู้ติดเชื้อ HIV และเอดส์ในประเทศไทย
ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ประมาณ 6,400 คน (เฉลี่ยวันละ 17 คน)
ผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคเอดส์ 18,000 คน (เฉลี่ยวันละ 49 คน)
ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 480,000 คน
โดยข้อมูลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพบว่า
ผู้ติดเชื้อที่รู้สถานะว่าตัวเองติดเชื้อมีจำนวน 451,384 คน
ผู้ติดเชื้อที่คาดว่าน่าจะไม่รู้สถานะตัวเองว่าติดเชื้อ จำนวน 28,000 คน
รักษาอย่างไร
สำหรับไวรัส HIV มียารักษา คือ
ยาเพร็ป (Prep) ใช้ในกลุ่มผู้ที่ไม่มีไวรัส HIV แต่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ซึ่งยาชนิดนี้ป้องกันได้เฉพาะ HIV เท่านั้น ไม่ป้องกันซิฟิลิส หนองใน และหนองในเทียม
ยาเป๊ป (Pep) ใช้ป้องกันไวรัส หลังจากสัมผัสเชื้อ HIV เช่น ใส่ถุงยางอนามัยแล้วถุงแตก หรือหลุด การกินยาชนิดนี้ต้องกินภายใน 72 ชั่วโมง
หากมีเพศสัมพันธ์ แล้วคิดว่าสัมผัสกับเชื้อ HIV ให้เข้ารับการตรวจ โดยคนไทยสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทยฟรี และถ้าตรวจพบว่ามีเชื้อไวรัส HIV ต้องรักษาด้วยยยาต้านไวรัส
Tips ในโลกนี้มีคนที่หายขาดจากการติดเชื้อ HIV เพียง 2 คนเท่านั้น!
คนแรกคือ นายทีโมธี บราวน์ รักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี นอกจากจะติดเชื้อ HIV แล้ว เขายังเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย
.
แพทย์ได้ปลูกถ่ายไขกระดูก เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเซลล์ที่ถูกปลูกถ่ายเป็นเซลล์ชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติในการต้านทานเชื้อ HIV
.
หลังจากการตามผลมา 10 ปี แพทย์ตรวจไม่พบเชื้อ HIV ไม่ต้องกินยาต้าน และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
.
คนที่สองคือ ชายชาวอังกฤษ นอกจากติดเชื้อ HIV แล้ว เขายังเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย แพทย์ใช้วิธีรักษาด้วยเคมีบำบัดและปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
.
และกินยาต้านไวรัสอีก 16 เดือน หลังจากนั้นเมื่อเขาเข้ารับการตรวจร่างกาย ก็ไม่พบการติดเชื้อไวรัส HIV ที่จะพัฒนาไปสู่โรคเอดส์ และทีมแพทย์ต้องการตอกย้ำว่าเขาหายแล้วจริงๆ
.
จึงให้เขางดยาต้านไวรัสเป็นเวลา 18 เดือน บทสรุปก็คือ แพทย์ตรวจไม่พบเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายของคนไข้รายนี้อีกเลย
ที่มา : hfocus , statista ,honestdocs , posttoday , khaosod , honestdocs , thaihealth, thairath , bumrungrad , Workpoint News , Biz Line
Comments